เมนู

มิได้มีอีก ใน 30,000 กัป แต่ภัทรกัปนี้ เราได้
ถวายทานใดในกาลนั้น ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติ
เลย นี้เป็นผลแห่งการถวายน้ำผึ้ง. เราเผากิเลสทั้งหลาย
แล้ว ฯลฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เรากระทำเสร็จแล้ว

ดังนี้.
ก็คาถานี้แหละ ได้เป็นคาถาพยากรณ์พระอรหัตผล ของพระเถระ
ฉะนี้แล.
จบอรรถกถามหานามเถรคาถา

1. ปาราปริยเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระปาราปริยเถระ


[253] ได้ยินว่า พระปาราปริยเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
เราละผัสสายตนะ 6 ประการได้แล้ว เป็นผู้คุ้ม-
ครองทวารสำรวมด้วยดี กำจัดเสียได้ซึ่งสรรพกิเลส
อันเป็นมูลรากแห่งวัฏทุกข์ บรรลุความสิ้นอาสวะแล้ว.

อรรถกถาปาราปริยเถรคาถา


คาถาของท่านพระปาราปริยเถระ เริ่มต้นว่า ฉผสฺสายตเน หิตฺวา.
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร ?
แม้พระเถระนี้ ก็เป็นผู้มีอธิการอันกระทำแล้ว ในพระพุทธเจ้าองค์-
ก่อน ๆ สั่งสมบุญไว้ในภพนั้น ๆ บังเกิดในกำเนิดนายพราน ในกาลของ
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า ปิยทัสสี พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระ-
นามว่า ปิยทัสสี ประทับนั่งเข้านิโรธสมาบัติ ที่ชัฏป่าแห่งหนึ่ง ในที่เป็นที่
ท่องเที่ยวของเขาผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว เพื่อจะทรงอนุเคราะห์เขา.
และเขาก็กำลังแสวงหาเนื้อ ไปสู่ที่นั้น พบพระศาสดา เป็นผู้มีใจ-
เลื่อมใส ใช้ดอกปทุม มุงบังมณฑปที่ทำด้วยกิ่งไม้ ซึ่งสร้างไว้สำหรับให้
พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับโดยอาการแห่งเรือนยอด แล้วเสวยปีติและ
โสมนัสอย่างโอฬาร ยืนนมัสการอยู่ตลอด 7 วัน และเขาจะนำเอาดอกไม้
ที่เหี่ยว ๆ ออก มุงบังด้วยดอกไม้ที่ใหม่ ๆ สด ๆ ทุก ๆ วัน. พอครบ 7 วัน
พระศาสดาก็เสด็จออกจากนิโรธสมาบัติ ทรงระลึกถึงภิกษุสงฆ์ ในทันใดนั้นเอง
ภิกษุทั้งหลายประมาณ 80,000 รูป ก็พากันมาแวดล้อมพระศาสดา เทวดา
ทั้งหลาย มาประชุมกันด้วยคิดว่า พวกเราจักฟังพระธรรมกถา อันไพเราะ
ได้เป็นมหาสมาคมแล้ว. พระศาสดาทรงกระทำอนุโมทนา ทรงพยากรณ์สมบัติ
อันจะบังเกิดในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย และสาวกโพธิญาณในพุทธุปบาทกาลนี้
แก่เขาแล้ว เสด็จหลีกไป.
ด้วยบุญกรรมนั้น เขาท่องเที่ยวอยู่ ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เกิด
ในตระกูลพราหมณ์ ในพระนครราชคฤห์ ในพุทธุปบาทกาลนี้ บรรลุนิติภาวะ